ประวัติวัดสิงห์
จอมทองประวัติความเป็นมาของวัดสิงห์ไม่มีท่านผู้ใดรู้เป็นที่แน่นอนแต่เป็นวัดเก่า
วัดหนึ่ง ได้เรียนถามหารือท่านผู้ใหญ่ที่มีอายุมากๆมาหลายท่าน ท่านผู้ใหญ่ทุกท่าน
ไม่กล้า ออกความความเห็นที่แน่นอนได้ เป็นแต่ได้พูดเป็นแนวทางให้ความเห็นเป็น
ส่วนตัวของท่านว่า วัดนี้บางสมัยก็พอจะดีขึ้นบ้าง บางสมัยก็ดู
ทรุดโทรม จนกระทั่งได้พบ หนังสือเรื่อง “บางขุนเทียน
ส่วนหนึ่งของแผ่นดินไทยและ กรุงรัตนโกสินทร์”
ซึ่งคัดพิมพ์เป็นที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ
น.ท.สุขุม บุนปาน ร.น. มีข้อความเกี่ยวกับวัดสิงห์ที่ค้นคว้าโดยท่านผู้รู้พอที่จะนำมาเล่า
สู่กันฟังได้ดังนี้
วัดสิงห์มีหลักฐานที่สำคัญทั้งโบราณวัตถุและโบราณสถานที่น่าสนใจ
หลายยุคหลาย สมัย โดยตัวโบสถ์หลังเก่าก่อผนังหนาทรงวิลันดาสมัยอยุธยา
หน้าบรรณปั้นปูนรูปลายพะเนียงประดับถ้วย ตอนล่างหน้าบรรณปั้นลักษณะจำลอง เขามอ
มีประตูเข้าออกด้านหน้า
๒ ช่องประตู ด้านหลังไม่มีประตูและหน้าต่าง คันทวยสลักด้วยไม้สวยงามมาก
(ปัจจุบันกำลังบูรณปฏิสังขรณ์) สำหรับใบเสมา นั้นเข้าใจว่าจะสร้างในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
คล้ายกับที่วัดพรหมนิวาสน์ (วัดขุนญวน) ที่หัวแหลม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
มีอักษรจารึกใช้คำว่ากวางตุ้ง ชื่อนายฮวด ผู้สร้าง ด้วย
คิดว่าคงจะสั่งทำมาจากกวางตุ้งและได้ส่งอิทธิพลมายังสมัยรัชการที่ ๑
ในปัจจุบันทางวัดสร้างโบสถ์หลังใหม่และใช้เสมาเก่าเฉพาะที่
สมบูรณ์ดีเท่านั้น จากนี้จึงพบว่าที่โบสถ์เก่าใช้ลูกนิมิตเป็นก้อนหินธรรมชาติยังไม่ได้
สกัดเกลาให้กลมแต่อย่างใด ส่วนพระประธานในโบสถ์เก่า ทำด้วยก่ออิฐฉาบปูน
ลงรักปิดทองและมีพระพุทธรูปอีกองค์หนึ่ง ซึ่งสมัยก่อนอยู่ในวิหารเก่า
ด้านหลังโบสถ์เก่า แล้วได้ย้ายมาไว้ที่หน้าโบสถ์เก่า ปัจจุบันนี้ ได้อัญเชิญขึ้นไว้ในวิหารหลังใหม่ และได้มาทราบตอนหลังนี้ว่าพระพุทธรูปองค์นี้เป็นเนื้อหินทรายแดง
(ศิลาแลง) ลักษณะน่าจะเป็นพระสมัยสุโขทัย
หรือสมัยอยุธยาตอนต้น เป็นพระพุทธรูปปาง อู่ทอง นั่งขัดสมาธิ มีร่องรอยทารักสีดำมาก่อนจนชาวบ้านเรียกว่า “หลวงพ่อดำ” กันตลอดมา เมื่อได้อัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนฐานสุกชีในวิหารแล้ว
ก็จะลงรักปิดทอง ช่างปิดทองได้ฉาบโป๊วแต่งองค์พระเพื่อให้องค์พระเรียบเนียนแล้วจึงจะลงรักปิดทองได้
เมื่อทำมาตามขั้นตอนแล้วปรากฏว่า ปูนและเคมีที่ฉาบโป๊วไว้นั้นยุ้ย เป็นขุยไม่ติด
และจะเปลี่ยนมุขและนิลที่พระเนตรของหลวงพ่อ ก็ปรากฏว่าเนื้อพื้นผิวยุ่ยอีก
ได้เคาะที่พระพักตร์ของหลวงพ่อ ปรากฏเสียงดังเหมือนเป็นโพรงข้างใน
ก็ได้ค่อยๆเคาะ สกัดออก เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ เมื่อสกัดเนื้อปูนที่หุ้มอยู่ออกหนา ๒
เซ็นติเมตร ก็ได้เห็นข้างในเป็นองค์พระที่ปิดทองไว้อีกชั้นหนึ่งค่อนข้างสมบูรณ์
และพระเนตรข้างในก็มีอีกชั้นหนึ่งยังคงสภาพที่ดี มาก ริมพระโอษฐ์ทาสีแดง
เจ้าอาวาสก็เลยให้ช่างสกัดเนื้อปูนที่หุ้มอยู่นั้นออกให้
หมด แล้วฉาบโป๊วเนื้อผิว
องค์พระใหม่จึงลงรักปิดทอง ได้ลักษณะของการที่คนสมัยนั้นได้ฉาบปูนทับองค์
พระที่ปิดทองไว้
คนหลายคนส่วนมากเข้าใจว่ากลัวพวกคนพม่าจะมาทำลายองค์พระเพื่อเอาทองไป
เมื่อครั้งที่พม่าเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยา
ส่วนเจดีย์เหลี่ยมหน้าโบสถ์เก่า นั้นน่าจะเป็นศิลปะสมัยอยุธยาตอนต้น
นอกจากนี้ยังมีชิ้นส่วนพระพุทธรูปหิน ทรายแดงสมัยอยุธยาอยู่บริเวณโคนต้นโพธิ์และต้นมะขามหน้าวิหารหลวงพ่อดำอีกมาก
ทั้งอิฐและเนื้อปูนที่ก่อฉาบตัวอาคารอุโบสถ์และวิหารเก่า ตามที่กล่าวมานี้จึงพอเป็นแนวให้สันนิษฐานได้ว่าวัดสิงห์นี้คงสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย
ก็ไม่สามารถที่จะระบุชี้ชัดลงไปให้เป็นที่แน่นอนได้ และคาดว่าคงจะมีอายุไม่ต่ำกว่า
๓๐๐–๔๐๐
ปีอย่างแน่นอนตามหลักฐานวัตถุต่างๆ
ที่ยังพอมีเหลือให้เห็นอยู่ จนถึงปัจจุนี้
การศึกษา
ทางวัดเปิดสอนพระปริยัติธรรมแผนกนักธรรมเริ่มตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๘๐ เป็นต้นมา
ขณะนี้มีพระภิกษุ สามเณร เรียนนักธรรม ๒๐ รูป บาลี ๕
รูปสำหรับการศึกษาทางโลกก็มีโรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ (มัธยมต้น ถึง มัธยมปลาย)
ซึ่งทางวัดให้การสนับสนุนตั้งอยู่ในที่ธรณีสงฆ์ของวัดด้วย
ปัจจุบันนี้
มีพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ คือ หลวงพ่อดำ อยู่ในวิหารจัตุรมุข วัดสิงห์
ก็เป็นเก่าแก่อีกวัดหนึ่งในย่านฝั่งธนบุรี
สันนิษฐานว่าเป็นวัด ที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลายมีหลักฐานที่สำคัญทั้งโบราณวัตถุและโบราณสถานที่น่าสนใจหลายยุคหลายสมัย
โดยตัวโบสถ์หลังเก่าก่อผนังหนาทรงวิลันดา สมัยอยุธยา
หน้าบรรณปั้นปูนรูปลายพะเนียงประดับถ้วยชามลายครามและเศษถ้วย ชามที่แตก
ตอนล่างหน้าบรรณปั้นลักษณะจำลองเขามอ มีประตูเข้าออกด้านหน้า ๒ ช่องประตู
ด้านหลังไม่มีประตู
(เรียกว่าโบสถ์มหาอุต) คันทวยสลักด้วยไม้
สวยงามมาก (ปัจจุบันกำลังบูรณปฏิสังขรณ์) สำหรับใบเสมานั้นเข้าใจว่าจะสร้าง
ในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ คล้ายกับที่วัดพรหมนิวาสน์ (วัดขุนญวน) ที่หัวแหลม
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีอักษรจารึกใช้คำว่ากวางตุ้ง ชื่อนายฮวด ผู้สร้างด้วย
คิดว่าคงจะสั่งทำมาจากกวางตุ้งและได้ส่งอิทธิพลมายังสมัยรัชการที่ ๑
ในปัจจุบันทางวัดสร้างโบสถ์หลังใหม่และใช้เสมาเก่าเฉพาะที่สมบูรณ์ดีเท่านั้น
จากนี้จึงพบว่า
ที่โบสถ์เก่าใช้ลูกนิมิตเป็นก้อนหินธรรมชาติยังไม่ได้สกัดเกลาให้กลมแต่อย่างใด
ส่วนพระประธานในโบสถ์เก่า ทำด้วยก่ออิฐฉาบปูน ลงรักปิดทอง
และมีพระพุทธรูปอีกองค์หนึ่ง ซึ่งสมัยก่อนอยู่ในวิหารเก่า ด้านหลังโบสถ์เก่า
แล้วได้ย้ายมาไว้ที่หน้าโบสถ์เก่า ปัจจุบันนี้ ได้อัญเชิญขึ้นไว้ในวิหารหลังใหม่ และได้มาทราบตอนหลังนี้ว่าพระพุทธรูปองค์นี้เป็นเนื้อหินทรายแดง
(ศิลาแลง) ลักษณะน่าจะเป็นพระสมัยสุโขทัย หรือสมัยอยุธยาตอนต้น เป็นพระพุทธรูป
ปางอู่ทอง นั่งขัดสมาธิ เดิมองค์พระลงรักปิดทองไว้ และฉาบปูนทับหนา ๒ เซนติเมตร
แล้วทารักสีดำมาก่อนจนชาวบ้านเรียกว่า “หลวงพ่อดำ” กันตลอดมา เมื่อได้อัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนฐานสุกชีในวิหารแล้ว
ก็จะลงรักปิดทองใหม่ ส่วนเจดีย์เหลี่ยมหน้าโบสถ์เก่านั้นน่าจะเป็นศิลปะสมัยอยุธยาตอนต้น
นอกจากนี้ยังมีชิ้นส่วนพระพุทธรูปหินทรายแดงสมัยอยุธยาอยู่บริเวณโคนต้นโพธิ์และต้นมะขามหน้าวิหารหลวงพ่อดำอีกมากทั้งอิฐและเนื้อปูนที่ก่อฉาบตัวอาคารอุโบสถ์
และวิหารเก่าตามที่กล่าวมานี้จึงพอเป็นแนวให้สันนิษฐานได้ว่า
วัดสิงห์นี้คงสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย
ก็ไม่สามารถที่จะระบุชี้ชัดลงไปให้เป็นที่แน่นอนได้ และคาดว่าคงจะมีอายุไม่ต่ำกว่า
๓๐๐–๔๐๐
ปีอย่างแน่นอนตามหลักฐานวัตถุต่างๆ ที่ยังพอมีเหลือให้เห็นอยู่บ้าง
ตอนนี้วัดสิงห์มีแต่อาคารก่อสร้างใหม่ ๆ ทั้งนั้น ด้วยการออกแบบของพระครูนวการวิมล
เจ้าอาวาสวัดสิงห์รูปปัจจุบัน
เจ้าอาวาส
คงจะมีเจ้าอาวาสปกครองสืบต่อกันมาหลายต่อหลายท่าน
แต่เนื่องจากในสมัยก่อนนั้นความเจริญยังมีน้อยจึงไม่มีการบันทึกการสร้างซ่อมแซม
หรือประวัติเจ้าอาวาส ผู้ดูแลวัดไว้เป็นหลักฐาน เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ทราบกัน นอกจากที่สอบถามได้จากท่านผู้เฒ่าผู้แก่ที่พอจำประวัติและชื่อของเจ้าอาวาสองค์
ก่อนๆ ได้เพียงไม่กี่รูป ดังรายชื่อต่อไปนี้.
๑. พระอาจารย์ทัด
๒. พระอาจารย์จุ่น
๓. พระอาจารย์พัน
๔. พระอธิการจำปา
๕. พระอธิการสุดใจ ธมฺมธีโร เป็นเมื่อ -- --- ถึง
พ.ศ. ๒๔๙๕
๖. พระครูอุดมสิกขกิจ เป็นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๖ ถึง
พ.ศ. ๒๕๓๑
๗. พระครูวิบูลวัฒนวิธาน เป็นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๒ ถึง
พ.ศ. ๒๕๔๕
๘. พระครูนวการวิมล เป็นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๖ ปัจจุบัน
ข้อมูลทัวไป
ชื่อ : วัดสิงห์
ที่อยู่ : 35 หมู่ 3 เอกชัย 43
แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กทม 10150
เบอร์โทร : 0-2893-6840 , 0-2893-6265
การเดินทางไปวัดสิงห์ จอมทอง
รถประจำทางที่ผ่าน
สาย 43 120 167 544
ไม่เห็นมีอะไรเลย
ตอบลบ